วันจันทร์ที่ 4 ตุลาคม พ.ศ. 2553

ส้มสีม่วง

        ฉันใช้เวลาประมาณ๓อาทิตย์ไปอ่านนวนิยายชื่อส้มสีม่วง   ฉันชอบเรื่องนี้มากมาย   เพราะเรื่องนี้มีคุณค่าสั่งสอน   จึงฉันอยากจะแนะนำเรื่องนี้ให้ผู้เชียวชาณ   ฉันมั่นใจถ้าพวกคุณอ่านแล้วก็ชอบเรื่องนี้มากดังต่อไปนี้คือย่อเรื่องส้มสีม่วงที่แต่งโดยฉัน
         เรื่องเริ่มจากจ้อยเป็นเด็กชายอายุยังไม่เต็ม๑๐ขวบดี อยู่ป.๔และกำลังจะขึ้นเทอม๒ในเปิดเทอมหน้านี้แล้ว จ้อยชอบอ่านหนังสือที่แต่งโดยลุงเทิดมากมาย ลุงเทิดเป็นคนที่เขียนหนังสือแสนสนุกที่จ้อยติดใจนักหนา ที่นักเขียนคนโปรดของจ้อย ปิดเทอมนี้จ้อยจะใช้เวลาหมดไปอ่านหนังสือที่แต่งโดยลุงเทิดชื่อ “กองทัพปราบฝัน” และการย้ายบ้านใหม่ ย้ายไปถึงบ้านใหม่ จ้อยรู้ว่าเพื่อนบ้านคนใหม่ของเขาไม่ใช่ใครอื่นๆเลยแต่เป็นตัวลุงเทิดนั่นเองจากพี้สาว จ้อยตื่นเต้นมาก
        ในวันหนึ่งจ้อยเดินสำรวจสนามหญ้าของบ้านใหม่ ได้เก็บเศษกระดาษทั้ง๑๒ชิ้น เรียงต่อเข้าด้วยกันเป็นแผ่นใหญ่ อ่านแล้วและคิดว่าเศษกระดาษทั้ง๑๒ชิ้นเป็นต้นฉบับหนังสือของลุงเทิด จ้อยรู้ว่าต้นฉบับหนังสือมีความสำคัญต่อลุงเทิด จึงตัดสินใจที่จะนำต้นฉบับนี้ไปส่งคืนลุงเทิด
        เมื่อได้เอาต้นฉบับส่งคืนลุงเทิด จ้อยดีใจเป็นอย่างยิ่งเพราะใกล้ถึงกำหนดเวลาส่งคืนต้นฉบับแล้ว นอกจากนี้ลุงเทิดยังเล่าให้จ้อยฟังอีกว่าเขาถูกกลั่นแกล้งต่างๆนานารวมถึงการที่ต้นฉบับหายไปในครั้งนี้ด้วย นี่ทั้งหมดเป็นฝีมือของนักทัพปราบฝันที่ไม่ต้องการให้ลุงเทิดเขียนหนังสือเรื่องใหม่เปิดโปงอาณาจักรลึกลับของพวกเขาและไม่ให้ลุงเทิดเขียนหนังสือที่ทำให้เด็กๆมีความฝัน มีความคิด มีจินตนาการ เพราะเหล่ากองทัพปราบฝันจะไปปลอกลอกเอาความฝันของเด็กๆทำให้เด็กๆเลิกคิด เลิกฝัน เมื่อเติบโตมาเป็นผู้ใหญ่ ก็กลายเป็นผู้ใหญ่ที่ไร้จินตนาการอยู่แต่ในกรอบที่สร้างขึ้นมา ไร้ความคิดสร้างสรรค์ ทึบทื่อ น่าเบื่อหน่าย การคิดนอกกรอบเสียบ้างจะทำให้เราค้นพบสิ่งใหม่ๆมากขึ้น ไม่เหยียบย่ำจำเจอยู่กับสิ่งเดิมๆ จนกลายเป็นการปิดกั้นตนเอง จิตใจแข็งกระด้าง และไม่ก่อให้เกิดพัฒนาการทางความคิด
       เหล่ากองทัพปราบฝันในหนังสือของลุงเทิดมีตัวตนอยู่จริง เป็นสิ่งมีชีวิตเล็กๆประกอบไปด้วย
       - นายพล "ขี้เกียจคิด ขี้เกียจฝัน " ซึ่งทั่วร่างปกคลุมไปด้วยขนที่เกิดจากความขี้เกียจนั่นเอง ความร้ายกาจของเขาก็คือ ความขี้เกียจที่เขาชอบปล่อยฤทธิ์ร้ายให้แพ่ซ่านอยู่ในเนื้อตัวผู้คนจนไม่อยากจะคิดฝันถึงสิ่งใด
       - นายช่างใหญ่ "ช่างมันเถอะ " มีรูปร่างเป็นมันฝรั่งสวมใส่ชุดช่าง ในมือถือไขควงตลอดเวลา ช่างมันเถอะชอบทำไขควงตก แต่ไม่เก็บ มักเอาแต่พูดว่า "ช่างมันเถอะ" และ "ไม่เป็นไร"
      - ผู้อาวุโส "อย่าเสี่ยง ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง " เป็นรูปสี่เหลี่ยมทึบตัน ไม่ยอมขยับไปไหนเพราะกลัวการเสี่ยง กลัวการเปลี่ยนแปลงทุกชนิด
      - "ผัดวันประกันพรุ่ง" มีรูปร่างเป็นทรงกลม เพื่อพร้อมที่จะกลิ้งไปสู่วันพรุ่งนี้ ในมือถือตะหลิวตลอดเวลา เพื่อเตือนว่าคำว่า "ผัดวันประกันพรุ่ง " สะกดว่า "ผัด " ไม่ใช่ "ผลัด "
      นอกจากนี้เหล่ากองทัพปราบฝันยังประกอบไปด้วย "หงุดหงิด งุ่นง่าน " "เสียดสี แดกดัน " " ไม่ไว้เนื้อเชื่อใจ " " เยาะหยัน ถากถาง " "โกหกพกลม " "เกลียดผัก " "ไม่มีทางเลือก" ฯลฯ
       เหล่ากองทัพปราบฝันจะปอกลอกเอาฝันของคนอื่นๆ เพราะว่ายิ่งปราบฝันได้มากเท่าไร อาณาจักรของเหล่ากองทัพปราบฝันก็จะยืดยาวออกไปมากขึ้น พุ่งทะยานออกไปอย่างสง่างาม และเป็นบ้านเกิดเมืองนอน แดนดินถิ่นอาศัยให้พวกเขาเพาะลูกออกหลานได้มากขึ้น หล่ากองทัพปราบฝันอยู่ได้เพราะปอกลอกเอาฝันของคนอื่นๆมาต่อเติมอาณาจักรของพวกเขา เหลือทิ้งไว้ให้คนเหล่านั้นเพียงความจริงเล็กๆน้อยๆ นิดๆหน่อยๆ หนำซ้ำยังเป็นความจริงที่แห้ง แข็งกระด้าง และกลิ่นไม่ดี "แก้ม " เป็นเพื่อนใหม่ของจ้อยที่เป็นแฟนหนังสือของลุงเทิดเช่นกัน เป็นเด็กหญิงตัวเท่ากับจ้อยนี่เอง เคยเจอกันอยู่ในร้านหนังสือ จ้อยตัดสินใจร่วมมือกับ "แก้ม "ป้องกันไม่ให้เหล่ากองทัพปราบฝันมาขัดขวางการเขียนหนังสือของลุงเทิดได้
       จ้อยรู้ว่าอาณาจักรของเหล่ากองทัพปราบฝันคือ "อาณาจักรก้านส้มเขียวหวาน " จากเบิกความสว่างทางสติปัญญาที่ส้มหลากหลาย
        จนในที่สุดจ้อยและแก้มก็ได้เผชิญหน้ากับเหล่ากองทัพปราบฝัน จ้อยได้ทำข้อตกลงกับเหล่ากองทัพปราบฝันโดยกองทัพปราบฝันจะต้องเลิกขัดขวางการเขียนหนังสือของลุงเทิดเพื่อแลกกับการที่จ้อยจะไม่เปิดเผยความจริงที่ว่า อาณาจักรของเหล่ากองทัพปราบฝัน คือ "อาณาจักรก้านส้มเขียวหวาน " เหล่ากองทัพปราบฝันกลัวว่าถ้าเรื่องนี้แพร่งพรายออกไปทุกคนจะรู้ว่าแท้จริงแล้วโลกไม่ได้กลมและป่องตรงกลางเหมือนผลส้มเท่านั้น แต่ยังมีก้านส้มซึ่งเป็นที่อยู่ของพวกเขาอีกด้วย จึงยอมรับข้อเสนอดังกล่าว ทำให้ลุงเทิดสามารถเขียนหนังสือที่กระตุ้นให้เด็กๆเกิดความคิด เกิดจินตนาการต่อไปได้ ลุงเทิด จ้อยและแก้ม จึงผนึกกำลังร่วมกันต่อสู้กับกองทัพปราบฝันจนเอาชนะได้ในที่สุด
      

4 ความคิดเห็น: